ในประเทศไทยมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (ไม่ใช่แบบหิ้วมาเอง) นั่นก็คือบริษัท "บิ๊กวัน" (Big One)
โดยได้นำเข้าสินค้าในรูปแบบของตู้กดหยอดเหรียญ หรือ "Capsule Station" มาจัดจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า
ชั้นนำต่างๆ ทั่วประเทศ เมื่อประมาณปลายปี 2003 โดยมีราคาดังนี้ 

   กาชาปอง ชนิดราคา 100 เยน (ราคา 39 - 40 บาท)
   กาชาปอง ชนิดราคา 200 เยน (ราคา 79 - 80 บาท)
   กาชาปอง ชนิดราคา 300 เยน (ราคา 120 บาท)

นอกจากวิธีหยอดเหรียญกดตู้แคปซูลแล้ว วิธีที่จะหาซื้อกาชาปองอีกวิธีหนึ่งก็คือ ซื้อตามร้านขายของเล่นทั่วๆ ไป
โดยที่บางร้านอาจจะนำเข้ากาชาปองมาเอง โดยมีทั้ง แบบแพคขายครบชุด (จำนวน 5 - 6 ตัว) หรือแบบแยกขาย
เป็นตัวๆ แล้วแต่ทางร้านนั้นๆ จะนำมาจำหน่าย
 

ใบปิดตู้กดในประเทศไทย	กาชาปองแบบแพคขาย

ข้อแนะนำในการเก็บสะสมกาชาปอง
ปัจจุบันนี้คนไทยหันมาเก็บสะสมกาชาปองกันมากขึ้น เนื่องจากมีความสวยงาม สมจริง จึงทำให้กาชาปองหลายๆ 
ชุดมีราคาสูงขึ้นตามความต้องการของผู้บริโภค ทำให้เกิดปัญหาสินค้าขาดตลาดตามมา กาชาปองบางชุดมีราคาสูง
ถึงหลักหมื่น.. ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น กระแสความดังของซีรี่ย์ชุดนั้น, สินค้ามีจำนวนน้อย และหายาก
สินค้าเป็นที่สนใจของนักสะสม, สินค้าเป็นชุดที่จำหน่ายไปนานแล้ว ฯลฯ 

ดังนั้นมีเทคนิคง่ายๆ ก็คือ เราควรจะหาซื้อในขณะที่กาชาปองชุดนั้นออกจำหน่ายในช่วงแรกๆ เพราะราคาจะยัง
ไม่แพงมากนัก แต่ราคามักจะปรับสูงขึ้นเมื่อระยะเวลาผ่านไป เนื่องจากกาชาปองจะถูกผลิตออกมาเพียงแค่ครั้ง
เดียว ไม่มีการทยอยผลิตออกมาเพิ่ม ยกเว้นทำออกมาเป็น "ชุดรีโปรดักต์" ซึ่งใบปิด หรือสีของเนื้องานจะมีความ
แตกต่างจากของเดิม จากเหตุผลดังกล่าวนี้ ผมขอแนะนำว่าหากชุดไหนที่หายาก หรือมีราคาแพง เราก็ควรทำใจ
หันไปเก็บชุดอื่นที่ราคาไม่สูงมากจะดีกว่าครับ